กองทุนรวม มีแบบใดบ้างที่เหมาะกับวัยเกษียณ

กองทุนรวม มีแบบใดบ้างที่เหมาะกับวัยเกษียณ

การเลือกกองทุนรวมที่ดีให้พิจารณาจากความหน้าเชื่อถือได้ของเจ้าของกองทุน ซึ่งถ้าเป้นสมัยก่อนเมื่อนานมาแล้วการซื้อทรัพย์สินจากธนาคารพาณิชหรือสถานบันการเงิน หรือได้ทำงานในธนาคารพาณิชหรือสถานบันการเงินถือว่ามั่นคงมากพอๆ กับข้าราชการ หรือบางครั้งดีกว่าข้าราชการด้วยซ้ำไปเพราะมีโบนัส แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ธนาคารพาณิชหรือสถานบันการเงิน ลูกค้าที่จะซื้อกองทุนต้องหาข้อมูลหรือมีข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของกองทุนดีๆ ธนาคารพาณิชหรือสถานบันการเงินก็อาจจะล้มละลาย หรือถูกควบรวม หรือถูกซื้อด้วยธุรกิจอื่นได้เสมอ

กองทุนรวม มีแบบใดบ้างที่เหมาะกับวัยเกษียณ

นอกจากดูเจ้าของกองทุนแล้วให้ดูที่การประกันเงินต้นว่าต้องได้คืนครบเมื่อหมดระยะเวลาตามที่กองทันกำหนด พยายามหากองทุนที่ไม่มีความเสี่ยงหรือมีความเสี่ยงน้อยที่สุดสำหรับการคืนเงินต้นที่ลูกค้าลงทุนไปในระยะเวลาที่กองทุนกำหนด อย่างที่สามที่ต้องพิจารณาคือระยะเวลาของกองทุน อันนี้แล้วแต่ความนิยมของผู้ซื้อว่าใจร้อนหรือแค่ต้องการสะสมเงินออมไปเรื่อยๆ ได้ผลประโยชน์เป็นรายปีกลับมาก็พอ สุดท้ายอัตราดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนที่ได้รับจากกองทุนพิจารณาแล้วสมน้ำสมเนื้อกับเงินที่ลงไปหรือไม่ นอกจากดอกเบี้ยแล้วถ้าเจ้าของกองทุนเป็นธนาคารพาณิชหรือสถานบันการเงินชั้นเยี่ยม ผู้ซื้อก็มักจะได้สิทธิพิเศษในการทำบัตรเครดิตต่างๆ พ่วงไปด้วยอีกมากมาย ธนาคารพาณิชหรือสถานบันการเงินนอกจากอยากให้เป็นลูกค้าซื้อกองทุนออมเงินแล้วก็ยังอยากให้เป็นลูกค้าบัตรเครดิตให้เสียดอกเบี้ยกลับคืนแก่ธนาคารอีกด้วย รายกาจนักนะ!!

กองทุนรวมที่เหมาะกับวัยเกษียณยังคงเป็นกองทุนแบบ LTF หรือ RMF เพราะสามารถช่วยในด้านภาษีได้ในส่วนของ RMF แต่ LTF ใช้เป็นส่วนลดหย่อนภาษีได้ถึงแค่ปีภาษี พ.ศ.2562 เท่านั้น อย่างไรก็ตามหากในวัยเกษียณมีกำลังพอและไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมาก นอกเหนือจากการกันเงินไว้จำนวนหนึ่งเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้เพื่อการออมในระยะกลางไม่เกิน 3 ถึง 5 ปีก็น่าสนใจเพราะสามารถนำเอาเงินกำไรมาใช้จ่ายต่อยอดหรือแสวงหาความสุขส่วนตัวได้เรื่อย อีกส่วนหนึ่งให้แบ่งไปลงทุนระยะยาวแบบ 10 ปีขึ้นไปโดยเน้นลงทุนในกองทุนตราทุนต่างๆ กระจายออกหลายๆ กองทุนเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงไปในตัวด้วย

การออมอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญสำหรับวัยเกษียณคือการทำประกันแบบตลอดชีพ การออมแบบนี้เพื่อป้องกันและเป็นหลักประกันให้กับลูกหลานหากเกิดกรณีเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต จะได้ไม่เป็นภาระสร้างความลำบากให้กับลูกหลานมากเกินไป ยังมีเงินจากการประกันชีวิตเช่นว่านี้ช่วยดำเนินการในการรักษาพยาบาลหรือในงานพิธีช่วงสุดท้ายของชีวิตตามสมควรด้วย

 

# ข้อแนะนำสำหรับการคุ้มครองผู้ลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง

ซื้อบ้านจัดสรรดีไหม ทำอย่างไรจึงจะคุ้มค่า

ซื้อบ้านจัดสรรดีไหม ทำอย่างไรจึงจะคุ้มค่า

โดยภาพรวมของความเชื่อในสังคมไทยแล้ว ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม การที่ใครสักคนได้มีบ้านเป็นของตัวเองถือได้ว่าเป็นของขวัญชิ้นสำคัญที่น่าภูมิใจที่สุดในชีวิตแล้ว แต่การซื้อบ้านที่จะให้เป็นของขวัญและความภูมิใจกับชีวิตตัวเองได้ ต้องเป็นบ้านที่ดีมีคุณภาพ การซื้อบ้านจัดสรรจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่สะดวกและง่ายต้องการหาซื้อบ้านอยู่อาศัย เพราะปัจจุบันมีโครงการเกิดขึ้นมากมาย มีสถานบันการเงินทั้งของรัฐและเอกสารชนรองรับการกู้เงินเพื่อที่อยู่อาศัยด้วย เช่นี้การซื้อบ้านจัดสรรจึงสะดวกและง่ายกว่าการหาซื้อที่ดินและสร้างบ้านเอง

ซื้อบ้านจัดสรรดีไหม ทำอย่างไรจึงจะคุ้มค่า

ถ้าถามว่าการซื้อบ้านจัดสรรดีไหม ตอบได้เลยว่าดีและคุ้มค่าแน่นอน แต่การซื้อบ้านจัดสรรดีต้องมีองค์ประกอบในการเลือกซื้อที่สำคัญๆ ร่วมด้วยคือ

1.ต้องเลือกโครงการที่ผู้ดำเนินการไม่มีประวัติเสีย ซึ่งสามารถตรวจสอบดูรายชื่อบริษัทหรือโครงการบ้านจัดสรรที่มีปัญหากับผู้ซื้อบ้านในโครงการได้ที่เว็บไซด์ของ สคบ. ภายในเว็บไซด์จะมีการแจ้งรายละเอียดโครงการบ้านจัดสรรและรายชื่อบริษัทเจ้าของโครงการและบริษัทผู้รับเหมาที่มีปัญหากับการขายการก่อสร้างบ้านจัดสรรอย่างละเอียด

2.ต้องเข้าขมโครงการก่อนตัดสินใจซื้อซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆ ครั้ง เพื่อดูบรรยากาศ ดูวิธีการก่อสร้างการทำงานของบรรดาช่างรับเหมาต่างๆ และสามารถเห็นได้ถึงวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างว่าได้มาตราฐานหรือไม่อีกด้วย แต่สำหรับโครงการบ้านจัดสรรที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมการ การเข้าไปเยี่ยมชมโครงการจะได้เห็นถึงสภาพการใช้งานทรัพย์สินส่วนกลาง สภาพชุมชนและความเป็นระบบระเบียบหรือความแออัดภายในโครงการ ภาพแวดล้อมของผู้คนที่อยู่ในโครงการบ้านจัดสรรนั้นๆ

ทั้งสององค์ประกอบทั้งสองข้อสังเกตข้างต้นจะสามารถทำให้ผู้ที่คิดจะซื้อบ้านตอบคำถามตัวเองในใจได้เป็นอย่างดีและชัดเจนว่าซื้อบ้านจัดสรรดีไหม โครงการนั้นโครงการนี้น่าอยู่หรือไม่อย่างไรนั่นเอง

 

 ผลกำไร STGT ดีขึ้นด้วย CAGR 69% 3 ปีต่อเนื่อง

ภาคต่อดราม่า หลัง ฌอน บูรณะหิรัญ อัดคลิปแจงยอดเงินบริจาค

ภาคต่อดราม่า หลัง ฌอน บูรณะหิรัญ อัดคลิปแจงยอดเงินบริจาค

เป็นดราม่าข้ามสัปดาห์ ที่ร้อนแรงทั้งบนโลกออนไลน์และบนหน้าจอโทรทัศน์มานานหลายวันเลยทีเดียว หลังจากที่มีคนตั้งข้อสงสัยเรื่องเงินรับบริจาคช่วยอาสาสมัครดับไฟป่าดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ไลฟ์โค้ชคนดังอย่างฌอน บูรณะหิรัญ ว่านำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จ่าย 2 แสนบาทให้ตัวเองเพื่อทำคลิป แทนที่จะมอบให้กับนักดับเพลิงทั้งหมด

โดยในขณะนี้ ฌอน บูรณะหิรัญ ได้ออกมายอมรับแล้วว่า

“จริงๆ ยอดบริจาคไม่ได้มีแค่ 875,741.53 บาท แต่มี 1,338,644.01 บาท เพราะไม่รอบคอบในการจัดการการบริจาคทั้งหมด ความหละหลวมในการนำเสนอข้อมูลในชุดแรก จึงสื่อสารไปตั้งแต่ยังรวบรวมข้อมูลไม่ครบถ้วนดี และเมื่อมีข้อมูลตกหล่นจึงคิดว่าควรมีหน่วยงานกลาง ที่เชื่อถือได้มาตรวจสอบในวันที่ 29 มิ.ย. ผมรีบยื่นจดหมายถึงหน่วยงานในจังหวัดเชียงใหม่ ขอความอนุเคราะห์ให้จัดทีมเข้ามาตรวจสอบ Statement บัญชีที่รับบริจาคและบัญชีอื่น ๆ รวมทั้งใบเสร็จ

ซึ่งในตอนนี้ได้แสดงหลักฐานทั้งหมดต่อเจ้าหน้าที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา และไม่ได้นำเงินไปใช้เรื่องส่วนตัว อย่างไรก็ตาม มีผู้บริจาคสามารถที่ขอเงินคืน 2 ราย ได้ดำเนินการคืนเงินแล้ว รายละ 100 และ 200 บาท จำนวนรวม 300 บาท ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม – 30 เมษายน มีการโอนเข้าจำนวน 5,974 ครั้ง เป็นเงิน 1,338,644.01 บาท รวมกับยอดในบัญชีบริษัทและบัญชีส่วนตัวอีก 3,501.95 บาท นอกจากนี้หลังจากวันที่ 1 พ.ค.ถึง 28 มิถุนายน มีผู้โอนเข้ามาอีก 50 ครั้ง เป็นยอดรวม 4,189.92 บาท และวันที่ 29 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคม มีผู้โอนเข้ามาอีก 49 ครั้ง เป็นยอดรวม 551.85 บาท เพิ่มขึ้นอีก 4,741.77 บาท รวมจำนวนเงินทั้งหมดที่จะส่งมอบ 1,346,887.73 บาท หากส่งมอบเงินแล้ว จะออกมาแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกที”

แต่ชาวเน็ตส่วนใหญ่มีกระแสออกมาในด้านลบ บ้างว่าฌอนพูดไม่จริง บ้างก็พูดประเด็นเครื่องคลิป 10 นาทีแต่ตัดคลิปเกือบ 200 เฟรม ว่าแบบนี้ดูไม่จริงใจ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ฌอนในวงกว้าง และมีคนขุดคุ้ยประวัติของเขาออกมาพูดถึงในวงกว้าง

 

# SME คืออะไร