สมุนไพรไทยน่าลงทุน สามารถสร้างรายได้กว่าแสนล้านบาทต่อปี

สมุนไพรไทยน่าลงทุน สามารถสร้างรายได้กว่าแสนล้านบาทต่อปี

หลังจากไวรัสโควิด-19 ระบาดทั่วโลก เศรษฐกิจก็เริ่มดาวน์ลงอย่างเห็นได้ชัด ห้างร้านต่างๆ มากมายต้องปิดตัวลงไปตามๆ กัน บ้างก็ลดสาขา บ้างก็ล้มละลาย ซึ่งนี่เท่ากับการนับวันรอวันล่มสลายของเศรษฐกิจโลก เพราะเมื่อนายทุนยังไปไม่รอด อัตราการจ้างงานก็ตกต่ำลงตามไปด้วย ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกประสบปัญหาทางการเงินตามมา

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ารายได้อาจจะน้อยลง แต่คนรุ่นใหม่นั้นสนใจการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยมีการหาซื้อสมุนไพรไทยที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเพิ่มมากขึ้น ทำให้สมุนไพรถูกแปรรูปกลายเป็นเวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง และอาหารเสริม ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายในไทยสูงถึง 1.8 แสนล้านบาท และทะลุ 3 ล้านล้านบาทในตลาดโลก ซึ่งในปัจจุบัน ตลาดสมุนไพรไทยนั้นกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง หากเกษตรกรปรับการผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดอย่างเป็นระบบแบบยั่งยืน ก็น่าจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ดีขึ้นได้ไม่ยาก

สมุนไพรไทยน่าลงทุน สามารถสร้างรายได้กว่าแสนล้านบาทต่อปี

โดยในขณะนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อย่างนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่า

“ทางกรมกำลังผลักดันให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเป็นแปลงใหญ่พืชสมุนไพรตามโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีการรวมกลุ่มสมุนไพรในรูปแบบแปลงใหญ่แล้วกว่า 16 แปลง ใน 15 จังหวัด จำนวนเกษตรกรกว่า 701 คน พื้นที่รวม 7,706.75 ไร่ เน้นปลูกพืชสมุนไพรที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง (Product Champions) 4 ชนิด ได้แก่ กระชายดำ, ไพล, บัวบก และขมิ้นชัน อีกทั้งยังส่งเสริมเกษตรกรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เช่น การผลิต, การพัฒนาคุณภาพมาตรฐาน GAP จนถึงการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์อย่าง www.ตลาดเกษตรออนไลน์.com

กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่พืชสมุนไพร หมู่ 4 ตำบลโคกจาน อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ และดำเนินการจนประสบความสำเร็จ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 36 คน พื้นที่กว่า 80 ไร่ ปลูกพืชสมุนไพรมากกว่า 20 ชนิด จำหน่ายทั้งแบบสดและแห้ง ให้กับโรงพยาบาลตระการพืชผลที่มีความต้องการสมุนไพร เพื่อนำไปแปรรูปเป็นยาแผนไทยรักษาผู้ป่วย และจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการทั้งในและนอกจังหวัดภายใต้แบรนด์ “ศุโขโอสถ” สร้างรายได้รวมปีละ 150,000-200,000 บาท โดยนายราเชนทร์ ทาวะรมย์ ผู้ประสานงานแปลงใหญ่พืชสมุนไพร หมู่ 4 ตำบลโคกจาน กล่าวว่า จากการเข้าร่วมโครงการฯ ทำให้สมาชิกเกษตรกรนำพัฒนาเพื่อยกระดับการผลิตและการตลาด จนได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (Organic Thailand) และยังเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเกษตรกรที่สนใจ หรือคนรุ่นใหม่ที่เป็น Young Smart Farmer ที่มีความสามารถด้านบริหารจัดการแบบกลุ่ม สามารถขยายเป็นภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็งได้อีกด้วย”

หากคุณกำลังมองหาช่องทางการลงทุนใหม่ๆ การปลุกสมุนไพร ก็อาจจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจ

 

หุ้น TPS บวกเพิ่มขึ้นถึง 7% ควรช้อนซื้อไว้หรือไม่

รวมสิทธิ์ประโยชน์ดีๆ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

รวมสิทธิ์ประโยชน์ดีๆ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

หากคุณเป็นคุณหนึ่งที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนี่คือสิ่งที่คุณจะได้

 

1.เงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วันที่ 1 กรกฎาคม 2563

-เงินซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค ได้คนละ 200-300 บาทต่อเดือน

-ค่ารถโดยสารสาธารณะ ได้คนละ 500 บาทต่อเดือน

-วงเงินซื้อก๊าซหุงต้ม 45 บาท (45 บาท 3 เดือนรูดลดค่าก๊าซได้ 1 ครั้ง)

 

2.เงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วันที่ 15 กรกฎาคม 2563

-ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จะได้รับเงิน 50-100 บาท ตามเกณฑ์รายได้

-รายได้ 0-30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 100 บาท

-รายได้ 30,001-100,000 บาท ได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 50 บาท

รวมสิทธิ์ประโยชน์ดีๆ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

3.เงินคืนภาษี 5% : ผู้ที่เติมเงินเข้าบัตรคนจน แล้วใช้จ่ายเงินซื้อของจะได้รับเงินภาษี VAT 5% คืนเข้าบัตร

-จ่ายผ่านบัตรฯ 100 บาท คืน VAT 5% เข้าบัตรฯ 5 บาท

 

4.เงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วันที่ 18 กรกฎาคม 2563

-ช่วยค่าน้ำประปา ไม่เกินคนละ 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

-โดยต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ให้เรียบร้อย และมีการใช้น้ำประปาไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด

 

5.ลงทะเบียนขอคืนเงินประกันน้ำประปา จาก กปภ.

-โดยต้องลงทะเบียนขอคืนเงินประกันน้ำประปา กปน.ได้ที่ mwa.co.th มีวงเงินให้ 600 บาท

-ช่วยค่าไฟฟ้าไม่เกินคนละ 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

-โดยต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ให้เรียบร้อย และมีการใช้ไฟไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด

6. ลงทะเบียนรับเงินประกันการใช้ไฟฟ้า MEA

-หากยังไม่ได้ลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินอุดหนุนค่าไฟฟ้า สามารถลงทะเบียนได้ผ่านทางเว็บไซต์ โดยต้องจ่ายเงินเองล่วงหน้า จากนั้นกรมบัญชีกลางจะโอนเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคืนให้

 

7.บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขอรับเงินอุดหนุนค่าน้ำ-ค่าไฟ

-กฟน. ช่วยค่าไฟฟ้า 230 บาท เฉพาะคนที่ยังไม่เคยลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ แค่ลงทะเบียนออนไลน์

 

VJ ธุรกิจออนไลน์สำหรับคนที่มั่นใจ สร้างความสุขให้ผู้อื่น

คลังวุ่น คนสละสิทธิ์เราไม่ทิ้งกัน ไม่คืนเงินเยียวยา

คลังวุ่น คนสละสิทธิ์เราไม่ทิ้งกัน ไม่คืนเงินเยียวยา

จริงๆ แล้วเรื่องนี้จะไม่ใช่ปัญหาเลย หากว่าคนที่ได้รับความเดือดร้อนจะรับเงินเยียวยาจากรัฐบาล แต่การที่พวกเขาเลือกที่จะสละสิทธิ์ไม่รับเงิน แต่ไม่คืนเงินที่ได้ไปแบบนี้ มันทำให้ระบบราชการมีปัญหา คือไม่สามารถเบิกเงินได้ตามขั้นตอนและระเบียบวิธีทางราชการ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการบริการจัดการงบประมาณของกระทรวงการคลังต่อไป

งานนี้ทางกระทรวงการคลังจึงได้ออกมาประกาศแจ้งขั้นตอนในการคืนเงินอย่างเป็นทางการ ของผู้ที่ขอสละสิทธิ์ไว้ ให้นำเงินเยียวยาเต็มจำนวนมาคืนได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือทาง Mobile Banking และ ATM ธนาคารไหนก็ได้ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) โฆษกกระทรวงการคลังอย่าง นายลวรณ แสงสนิท ได้ออกมาโพสต์ข้อความประกาศบนโลกออนไลน์ เพื่อชี้แจงรายละเอียดของเรื่องนี้ ดังต่อไปนี้

คลังวุ่น คนสละสิทธิ์เราไม่ทิ้งกัน ไม่คืนเงินเยียวยา

“เรื่องการเรียกคืนเงินจากกลุ่มผู้สละสิทธิ์มาตรการเยียวยาเราไม่ทิ้งกัน 5,000 บาท โดยข้อมูล ณ วันที่ 14 มิ.ย. 63 มีจำนวนผู้สละสิทธิ์ 10,121 คน มีผู้คืนเงินให้กระทรวงการคลังครบแล้ว 2,455 คน คงเหลืออีก 7,666 คน ที่ยังไม่คืนเงิน

กระทรวงการคลังจึงมีหนังสือแจ้งกลุ่มผู้สละสิทธิ์มาตรการเยียวยาเราไม่ทิ้งกัน ให้คืนเงินที่ได้รับไปแล้วทั้งหมด โดยหลังจากที่ออกหนังสือไปแล้ว ณ วันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา มีผู้คืนเงินเพิ่มเติม 84 คน ดังนั้น เพื่อให้การสละสิทธิ์สมบูรณ์ขอให้ผู้ที่สละสิทธิ์คืนเงินเต็มจำนวนให้กระทรวงการคลัง ผ่านทางเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ผ่าน Mobile Banking Internet Banking หรือ ATM ของธนาคารใดก็ได้ หรือนำหนังสือที่ได้รับไปติดต่อที่สาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทั่วประเทศ”

เขาขอมาตรงๆ อย่างนี้แล้ว ก็อยู่ที่คุณแล้วล่ะ ว่าจะคืนคลังไหม

 

# IAA วิเคราะห์เศรษฐกิจไตรมาส 3 รับมือกรณี COVID-19

รัฐบาลส่งเสริมการมีครอบครัว

รัฐบาลส่งเสริมการมีครอบครัว

—————————————-

          รัฐบาลส่งเสริมการมีครอบครัว เร่งนโยบายเพิ่มประชากร อุดหนุนเด็กแรกเกิด ปี 2563 ให้เงินจูงใจกับพ่อแม่ เช็คสิทธิ์ได้ใน 4 ขั้นตอน เพราะตอนนี้ประเทศไทย และอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากคนรุ่นใหม่แต่งงานกันช้าขึ้น ทำให้มีบุตรยาก ประชากรรุ่นเยาว์ของเมืองไทยจึงลดจำนวนลงเรื่อยๆ ซึ่งทางรัฐบาลเองก็เห็นถึงความสำคัญของการมีกำลังของชาติรุ่นใหม่ๆ ออกมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงได้ออกนโยบายส่งเสริมการมีบุตร ด้วยการให้เงินอุดหนุนบุตรแก่พ่อแม่ผู้ปกครอง เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เด็กแรกเกิดมีคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งในขณะนี้ ได้ทำการอัพเดตระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม2563 ที่ผ่านมา ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบสิทธิ์ที่จะได้รับได้ง่ายๆ ใน 4 ขั้นตอน โดยอันดับแรก คุณต้องไปที่เว็บไซต์กรมกิจการเด็กและเยาวชน

รัฐบาลส่งเสริมการมีครอบครัว
1. ระบุเลขประจำตัวประชาชนผู้ลงทะเบียน
2. ระบุเลขประจำตัวประชาชนเด็กแรกเกิด
3. ระบุรหัสยืนยันรูปภาพ
4. กดค้นหาข้อมูล
ซึ่งบนเว็บไซต์ดังกล่าว จะมีการแจ้งสถานะต่างๆ และแนวทางปฏิบัติไว้ให้ โดยพ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม และกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน หากพบข้อมูลที่ต้องแก้ไขให้ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง
• ไม่เช่นนั้น หากว่าคุณมีภูมิลำเนาอยู่ในส่วนภูมิภาค ติดต่อ พมจ. ที่ได้ลงทะเบียนไว้
• หากอยู่กรุงเทพมหานคร ติดต่อ กรมกิจการเด็กและเยาวชน
• **กรณีที่มีการแก้ไข ปรับปรุง เพิ่มเติม และบันทึกข้อมูลเข้าไปใหม่ หลังวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 ให้รอปรับสถานะใหม่เดือนถัดไป
และนี่ก็เป็น 4 ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่เรานำมาฝากกันในวันนี้นั่นเอง

 

นักวาดรูปออนไลน์ เปลี่ยนคำว่านักเขียนใส้แห้งอีกต่อไป