ปีหน้าต่างชาติจะอยากค้าขายกับไทยอยู่อีกไหม

ปีหน้าต่างชาติจะอยากค้าขายกับไทยอยู่อีกไหม

ช่วงนี้ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซา แต่งานขายของออนไลน์กลับรุ่งเรืองกว่าที่เคย เพราะเทคโนโลยีที่คอยอำนวยความสะดวกต่างๆ มีมากกว่าเดิม แถมเจ้าใหญ่ๆ ยังจัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม กันแบบจัดหนักจัดเต็มอีกด้วย จึงไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมคนรุ่นใหม่ ถึงเลือกที่จะซื้อของออนไลน์ มากกว่าการขับรถไปซื้อของเองที่ห้างสรรพสินค้า

โดยเมื่อเมื่อต้นเดือนที่แล้ว โฆษกกรมสรรพากรอย่าง นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ก็ได้ออกมาแถลงข่าวให้ทราบทั่วกันว่า ทางสรรพากรจะเริ่มจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัลแพลตฟอร์มในต่างประเทศ (e-Service) ได้ในปี ภาษี 2564 เพราะในขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบ และอนุมัติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีแพลตฟอร์มดิจิตอลต่างชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจในไทยมากขึ้น ซึ่งดีต่อรัฐบาลไทยที่จะมีรายได้เข้าคลังมากขึ้น แต่อาจจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภค เพราะต่างชาติคงรู้สึกไม่คุ้มค่าที่จะลงทุนเหมือนอย่างที่เคย

ปีหน้าต่างชาติจะอยากค้าขายกับไทยอยู่อีกไหม

อย่างไรก็ตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ เพราะยังจะต้องเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา หากเห็นชอบก็จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป และหลังจากนั้น 6 เดือนจึงจะเริ่มจัดเก็บได้ โดยภาษี e-Service ผู้ให้บริการต่างประเทศน นั้นจะครอบคลุมสินค้าและบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มดูหนัง นายหน้า สื่อโฆษณา เกม แหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ รวมถึงบริการ e-Commerce เช่น Facebook, YouTube, Google, Line, Netflix, Lazada ที่ให้บริการในประเทศไทย หากเข้าข่ายว่ามีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จำเป็นต้องจดทะเบียนกับกรมสรรพากร โดยไม่มีภาษีซื้อ เช่น ถ้าให้บริการ 100 บาท จะต้องนำส่งทันที 7 บาท หรือ 7% ของค่าบริการ

 

Live แคสเกม นั่งเล่นเกมอยู่บ้านก็ทำเงินได้